แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มุมสาระ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มุมสาระ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

45 ข้อคิดดีๆ เพื่อสิ่งดีๆในชีวิต



1.อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน

2.ดูแลบิดา มารดาให้ดี มีโอกาสรีบทำซะก่อนจะไม่มีท่าน

3.เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย

4.ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง

5.สิ่งที่แข็งที่สุด เอาชนะได้ด้วยสิ่งที่อ่อนที่สุด

6.เมื่อประตูบานหนึ่งปิด อีกบานหนึ่งก็เปิด แต่บ่อยครั้งที่เรามัวแต่จ้องประตูบานที่ปิด จนไม่ทันเห็นว่ามีอีกบานเปิดอยู่

7.กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง

8.อารมณ์ขันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ช่วยรักษาสิ่งอื่นได้ เพราะทันทีที่เกิดอารมณ์ขัน ความรำคาญและความ

ขุ่นข้องจะจางหายไป กลับกลายเป็นความแจ่มใสของจิตใจเข้ามาแทนที่

9.อย่ากลัว ที่จะนั่งหยุดพัก เพื่อคิด

10. 1 นาทีที่คุณโกรธ เท่ากับว่าคุณได้สูญเสีย 60 วินาทีแห่งความสงบในจิตใจไปแล้ว

11.หนทางเดียวที่จะรักษาภาพพจน์ได้คือการซื่อสัตย์ตลอดเวลา

12.Oxygen สำคัญต่อปอดฉันใด ความหวังก็เป็นฉันนั้นต่อความหมายของชีวิต

14.ความอดทน คือ เพื่อสนิทของสติปัญญา

15.ในธรรมชาติไม่มีสิ่งใดดีพร้อม แต่ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบในตัวเอง ต้นไม้อาจบิดเบี้ยวโค้งงออย่างประหลาด แต่ก็ยังคงความงดงาม

16.มักพูดกันว่า กาลเวลาเปลี่ยนทุกสิ่ง แต่จริงๆแล้ว คุณต้องเปลี่ยนทุกสิ่งด้วยตนเอง

17.จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร ที่ทำอยู่มีผลดีผลเสีย มีประโยชน์หรือไร้ประโยชน์

18.อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า

19.อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์เพียงผ่านๆ อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง

20.รู้จักแบ่งเวลาและหน้าที่ ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง

21.อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้

22.อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุณสามารถทำมันใหม่ หรือเรียนรู้จากมันได้

23.ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร

24.อย่าเห็นแก่ตัว จงเป็นฝ่ายให้มากกว่ารับ

25.คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้จักที่จะพูด

26.คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณซื้อเวลาไม่ได้ ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่หรือเปล่า? ถ้ามีก็กลับไปหาซะ

27.อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุด

28.ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปก็อยู่ในตัวคุณเอง?

29.มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนลงในหนังสือ ลองค้าคว้าดูเองแล้วจะรู้

30.ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู อันตรายน้อยกว่าหอกที่แทงมาจากข้างหลัง

31.ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า?

32.หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง เราลืมอดีตไม่ได้แต่เราเลิกคิดได้

33.บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้ “เลวร้าย” เสมอไป

34.สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆไปในชีวิต หรือเรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ ลองกลับมาดูแลตรงนั้นบ้างก็ดี

35.ไม่มีมิตรถาวร และศัตรูที่แท้จริง

36.จงทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อตัวเราเอง คนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

37.เมื่อคิดจะทำอะไร หากคิดมากไป แล้วเมื่อใดจะได้ลงมือทำ

38.อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านไป โดยที่ยังไม่พยายาม

39.หากอยากประสบความสำเร็จ จงทำงานที่ตัวเองถนัด อย่าหวังพึ่งพาผู้อื่น

40.งานหนักเพียงใด หากทำด้วยใจและความสุข เราแทบจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลย

41.จิตจะสงบได้อย่างไร หากมัวแต่ใส่ใจคำพูดของคนอื่น

42.มองโลกในแง่ดี ชีวิตจะมีความสุข

43.ทำอะไรจงทำให้ดี เพราะจะไม่มีคำว่าเสียใจในสิ่งที่ทำ

44.ความกตัญญู คือ คุณค่าของคนที่น่านับถือ

45.จงทำตัวให้มีประโยชน์ต่อสังคมและแผ่นดิน

ที่มา : นิตยสารกุลสตรี

"11 สิ่ง ที่โรงเรียนไม่ได้สอนคุณ"

"11 สิ่ง ที่โรงเรียนไม่ได้สอนคุณ"

ข้อ 1
ชีวิตไม่เคยยุติธรรม ชินกับมันซะ

ข้อ 2
โลกไม่เคยแคร์กับความมั่นใจในตัวเองของคุณ โลกหวังจะเห็นความสำเร็จจากคุณก่อนที่คุณจะภูมิใจอะไรกันนักกันหนากับตัวคุณ

ข้อ 3
ทันที ที่คุณจบจากม.ปลาย คุณจะไม่สามารถหาเงินได้เดือนละแสน และคุณก็ไม่สามารถเป็นรองประธานบริษัทที่มีรถประจำตำแหน่งได้ จนกว่าคุณจะคู่ควรที่จะได้สิ่งเหล่านี้

ข้อ 4
ถ้าคุณคิดว่าครูคุณเขี้ยวแล้วหละก็ คุณต้องลองเจอกับเจ้านายในอนาคตของคุณซะก่อน

ข้อ 5
งานกระจอกไม่ได้ทำให้คุณด้อยค่า บางทีปู่คุณอาจเคยเป็นนายกระจอกมาก่อน เขาเรียกมันว่า โอกาส

ข้อ 6
ถ้าคุณห่วย อย่าโทษพ่อแม่คุณ แล้วก็อย่าบ่นโวยวายกับความผิดพลาดของคุณ เรียนรู้จากมันซะ

ข้อ 7
ก่อน ที่คุณจะเกิด พ่อแม่คุณไม่ได้น่าเบื่อแบบที่เค้าเป็นทุกวันนี้หรอก แต่เป็นเพราะเค้าทำงานหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายให้คุณ ซักผ้าให้คุณ ฟังคุณคุยโวต่างๆนาๆต่างหาก ดังนั้นก่อนจะไปอนุรักษ์ป่าไม้ ลองจัดตู้เสื้อผ้าในห้องคุณก่อนดีมั๊ย

ข้อ 8
โรงเรียน อาจจะแบ่งคนออกเป็นผู้แพ้ผู้ชนะได้ แต่ชีวิตไม่เป็นแบบนั้น ในบางโรงเรียนสอนให้คุณแพ้ แถมยังให้โอกาสตั้งหลายครั้งกว่าคุณจะทำถูก นี่มันไม่ได้เหมือนชีวิตจริงเอาซะเลย

ข้อ 9
ชีวิต ไม่ได้แบ่งเป็นเทอม ไม่มีช่วงซัมเมอร์ แล้วเจ้านายส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจจะให้คุณปิดเทอมไปค้นหาชีวิตคุณหรอกนะ ถ้าจะไปค้นหาอะไร ทำซะเดี๋ยวนี้ด้วยเวลาที่คุณยังมี

ข้อ 10
สิ่งที่คุณเห็นในละครทีวี มันไม่ได้เป็นจริงหรอกนะ เพราะคนส่วนใหญ่รีบดื่มรีบกินแล้วก็ไปทำงาน

ข้อ 11
ทำตัวดีดีกับพวก เนิร์ด เพราะบางทีคุณอาจเป็นลูกน้องเค้าก็ได้

เครดิตบทความดัดแปลงและแปลโดย: Success Story

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เปลือกมังคุดช่วยรักษาแผลเบาหวาน

ในตารายาแผนโบราณกล่าวว่า ให้ใช้เปลือกมังคุดต้มเอาน้าฝาดหรือฝนกับน้าปูนใส เอาน้าฝาดที่ได้ชะล้างบาดแผล แสดงว่าในเปลือกมังคุดน่าจะมีสารที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านจุลินทรีย์พวกแบคทีเรียซึ่งเป็นต้นเหตุสาคัญของบาดแผลเรื้อรัง

วิธีทำ
ใช้เปลือกมังคุดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปตากแดดให้แห้งแล้วบดให้ละเอียด จากนั้นนำมาผสมกับน้ำปูนใส นำสำลีชุบน้ำปูนใสที่ผสมกับเปลือกมังคุดบดมาปิดทับแผลไว้ ทำเช่นนี้วันละครั้งไปเรื่อย ๆ

เคมีงานวิจัยจากโรงพยาบาล โรงพยาบาลค าม่วง จังหวัดกาฬสิน
ธุ์ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นแผลเรื้อรัง จานวน 10 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 60.0 มีอายุส่วนใหญ่ อยู่ระหว่าง 70 – 79 ปี ร้อยละ 40.0 รองลงมา อายุ 50 – 59 ปี ร้อยละ 30.0 มีชนิดของแผลเรื้อรัง เป็นแผลเกิดจากการอักเสบติดเชื้อ ร้อยละ 40.0 รองลงมา เป็นแผลผิวหนังแห้งแตก ร้อยละ 30.0 และแผลที่มีเนื้อเน่าตายจากการติดเชื้อ ร้อยละ 20.0 ส่วนตาแหน่งแผลที่พบส่วนใหญ่ พบที่เท้า ร้อยละ 90.0 หลังจากรักษาผู้ป่วยแผลเรื้อรังโดยทาการล้างแผลด้วยน้าต้มสารสกัดเปลือกมังคุด พบว่า แผลมีแนวโน้มเป็นไปในทางบวกแผลหายทั้งหมด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หมอบ้านบ้าน
                


วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

BackTrack คืออะไร มารู้จัก Backtrack กัน


BackTrack คืออะไร ? 
BackTrack เป็น OS ที่พัฒนามาจาก Ubuntu โดยที่ BackTrack นี้จะเน้นไปทางระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย พูดง่ายก็คือเป็น OS ที่รวมเครื่องมือทดสอบการเจาะระบบหรือเครื่องมือในการแฮกนั้นเอง ซึ่งแฮกเกอร์มือใหม่ๆ (Script Kiddies) ใช้ในการหัดแฮก ซึ่งปัจจุบันนี้ BackTrack ได้มีการพัฒนามาถึงเวอร์ชั่น BackTrack 5 r3 ซึ่งสามารถได้โหลดและใช้งานได้ที่เว็ปไซต์ของผู้พัฒนาโดยตรงได้ที่ www.backtrack-linux.orgได้ฟรีๆ ซึ่งจะมีทั้งแบบ 32 และ 64 bit อีกทั้งยังมีแบบใช้งานบน Virtual Machine หรือ VMware นั้นเอง

หลังจากที่เราได้รู้จักกันแล้วว่า BackTrack คืออะไร ทีนี้เรามาดูกันว่าใน BackTrack มีเครื่องมืออะไรบ้าง

- Information Gathering เครื่องมือในกลุ่มนี้ประกอบด้วยโปรแกรมต่างๆประมาณ 20 กว่าโปรแกรม ซึ่งแต่ละโปรแกรมนั้นมีหน้าที่ในการเอาข้อมูลพื้นฐานต่างๆจากเหยื่ออย่างเช่น ข้อมูล DNS ซึ่งจะมีโปรแกรม DNS-Walk, DNS Bruteforce, DNSMap และ Dig เป็นต้น และถ้าข้อมูลเกี่ยวกับ SMTP ก็จะมี Relay Scanner, DMitry และ Goog Mail Enum เป็นต้นและนอกจากนี้ก็ยังมีโปรแกรมอื่นๆอีกรวมทั้งหมดก็ 20 กว่าโปรแกรม

- Network Mapping ประกอบด้วยโปรแกรมที่ใช้ในการแสกนเป้าหมาย เพื่อหาเซอร์วิสที่เปิดหรือกำลังทำงานอยู่ อย่างเช่น โปรแกรม Nmap, NampFE, Eping, Hping2, Hping3 และ Netcat เป็นต้น

- Vulnerability Identification ในกลุ่มนี้จะมีโปรแกรมที่ใช้ในการหาช่องโหว่หลังจากที่ทราบพอร์ตและเซอร์วิสที่รันอยู่ ได้แก่โปรแกรมที่ใช้แสกนหาช่องโหว่ของระบบฐานข้อมูล อย่างOracle, MySQL, SQL Server, เช่น Metacoretex, TNScmd, SQLdict, และ BlindSQLiX โปรแกรมที่ใช้แสกนหาช่องโหว่ของอุปกรณ์ Cisco เช่น Cisco Auditing Tools นอกจากนั้นก้ยังมีโปรแกรมประเภท SMB Analysis, และ Web Analysis เช่น Nikto เป็นต้น

- Penetration โปรแกรมใสกลุ่มที่ใช้เอาไว้ทดลองเจาะระบบว่าสามารถเข้าได้หรือไม่ โดยจะมีอาชิพที่รับจ้างทดสอบเจาะระบบเพื่อหาช่องโหว่แบบถูกกฏหมาย ซึ่งคนจ้างและคนทดสอบจะมีการเซ็นสัญญา เพื่อที่ผู้รับทดสอบเจาะระบบ ไม่ทำเลยขอบเขตที่ตกลงกัน และผู้จ้างจะไม่ถือว่าการเจาะนั้นเป็นการบุกรุก ซึ่งการเจาะระบบในลักษณะนี้เรียกว่า Penetration Testing (Pen test) เครื่องมือที่มักจะใช้ในการทอสอบเจาะระบบจะมีค้อนข้างเยอะใน BackTrack เช่น โปรแกรม Metasploit Framework 2-3, Inguna, Init pgsql, OpenSSL-To-Open และโปรแกรมอื่นๆอีก

-  Privilage Escalation ได้แก่โแกรมที่ใช้ทำ Spoofing ชนิดต่างๆ เช่น DNS Spoof, ARP Spoof และยังมีโปรแกรมดักจับหรัสผ่านและโปรแกรมโจมตีรหัสผ่าน เช่นโปรแกรม Ettercap, ICMP Redirect, Sing, tcpreplay, SSDump, DNsniff, Wireshark และ chntpw เป็นต้น

- Maintaining Access ได้แก่ โปรแกรมที่ใช้ทั Backdoor, Root Kit และโปรแกรมที่ใช้ทำ Tunnel หรือ อุโมง์ เพื่อให้สามารถลอดผ่าน Firewall ได้ เช่นโปรแกรม 3proxy, Backdoor, CryptCat, ICMPTx, NSTXCD, sbd, socat และ Matahari เป็นต้น

- VOIP & Telephony Analysis เป็นกลุ่มโปรแกรมจำพวกวิเคราะห์หาช่องโหว่ Voice Over IP

- Radio Network Analysis โปรแกรมในกลุ่มนี้มีไว้เพื่อโจมตี Wireless LAN, RFID, และ Bluetooth เช่นโปรแกรมในกลุ่ม Aircrack ที่มี Airmon, Airodump, Aireplay และโปรแกรมพวก Airsnort, Kismet, Bluesnarfer และ btscanner

- Digital Forensics โปรแกมจำพวกที่ใช้ค้นหาและวิเคราะห์หลักฐานหลังจากเซิฟเวอร์โดนแฮก

- Reverse Engineering โปรแกรมเพื่อทำกระบวนการย้อนกลับสำหรับซอฟแวร์ต่างๆ เช่น เพื่อแครกให้สามารถใช้งานโปรแกรมต่างๆได้โดยไม่ต้องใช้ Serial Key หรือพูดง่ายๆก็คือใช้โปรแกรมโดยไม่ต้องซื้อ ใช้แบบฟรีๆเลย

- Miscellaneous เป็นโปรแกรมและเครื่องมืออื่นๆใน BackTrack ที่ไม่ได้รับการแบ่งหมวดหมู่อย่างชัดเจน


          อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า BackTrack จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบระบบความปลอดภัยของระบบเครื่อข่ายและคอมพิวเตอร์ก็จริง แต่ในทางกลับกันหากแฮกเกอร์นำไปใช้ในการแฮกผู้อื่นหรือเจาะระบบมันก็สามารถสร้างความเสียหายได้เหมือนกันครับ BackTrack ก็เหมือนดาบสองคมหากนำไปใช้ในการทดสอบเจาะระบบเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมันก็ดี แต่หากไปใช้ในการเจาะระบบหรือแฮกคนอื่นมันก็เป็นผลเสียเหมือนกันครับ 



ที่มา : ITClickMe.com

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

10 คำถามยอดฮิต ในการ สัมภาษณ์งาน

10 คำถาม ที่เค้านิยมจะถามกัน โดยมากที่คุณ ควรจะเตรียมพร้อม เพราะอย่างน้อย ถ้าไม่ได้ คำถามอื่น ก็ยังพอมีคำถามที่เราตอบแล้ว ฟังดูเข้าท่าเข้าทางบ้าง ฉะนั้นคำถามที่คุณ ควรจะรู้ มีดังต่อไปนี้


1.ทำไมคุณจึงอยากทำงานที่นี่

การที่จะทำงานทีไหนก็ตาม ผู้สัมภาษณ์จะต้องถามความเป็นมา ว่าทำไม คุณต้องการ ที่จะทำงาน ในบริษัทของเค้า และคำถามนี้ก็เป็น สิ่งที่คุณควร ทราบ และคุณก็ควรจะรู้ถึงเหตุผลของคุณอย่างแท้จริง ไม่ไช่ตอบไปสุ่มสี่สุ่มห้า เช่นคุณอาจจะตอบว่า

"ดิฉันมีความสนใจในระบบการทำงานของที่นี่มาก และก็ทราบมาว่า ทางบริษัท ได้เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคน ได้แสดงความสามารถ ได้อย่างเต็มที่ค่ะ และดิฉันยังทราบมาอีกว่า ที่บริษัทรับฟังข้อเสนอ ของพนักงานทุกคน และ พร้อมจะแก้ไขถ้าข้อเสนอนั้น จะสามารถ พัฒนา ให้บริษัทให้มีความมั่นคง และหน้าเชื่อถือยิ่งขึ้นค่ะ"

2.ทำไมคุณถึงออกจากงานที่เคยทำอยู่

คำถามนี้จะง่ายมาก สำหรับน้อง ๆ ที่ยังไม่เคยทำงานมาก่อน แต่จะเป็นคำถาม ที่ยากมาก สำหรับคนที่เคย มีประสบการณ์ ในการทำงานมาแล้ว และเป็น คำถามที่ตรงประเด็น มากเลยทีเดียว เพราะหากคุณพอใจ ต่องานที่ทำอยู่ คุณคงไม่ต้องหางานใหม่ ทำหรอกจริงไหมล่ะ คำถามนี้จึงเป็นคำถาม ที่คุณ ต้องเตรียมตัวอย่างมาก เลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น

"ผมอยากจะเรียนรู้ถึงงานสายใหม่ ที่น่าจะเหมาะสมกับตัวผม มากกว่า ที่ผม เคยทำอยู่ครับ และผมคิดว่างานที่นี้ เหมาะสมกับผม และผม พร้อมที่จะทำงาน ตรงนี้มากที่สุด"

และที่สำคัญ คุณห้ามนำข้อเสีย ที่คุณได้รู้จาก บริษัทเก่า มาพูดเด็ดขาด เพราะสิ่งนั้น อาจทำให้คะแนน แห่งความเชื่อถือ ของคุณ ลดลงก็ได้

3.ลองเล่าประวัติของคุณแบบย่อ ๆ

การที่จะทำงานร่วมกันได้นั้น สิ่งที่สำคัญ ก็จะเป็นเรี่อง ข้อมูลส่วนตัว ประวัติ ความเป็นมา เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถบ่งบอกถึง นิสัยใจคอของคุณได้ และ สามารถบอกถึง ความเหมาะสม กับงานด้านนี้ของคุณ ในการตอบคำถาม จึงควรอยู่ในแง่ของ การทำงาน บุคลิกภาพส่วนตัว และแง่คิดของชีวิต บ้างนิดหน่อย คุณไม่ควรจะเล่าประวัติชีวิตของคุณให้มากเกินไป เพราะการพูดมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดผลเสียแก่ตัวคุณเอง เช่น

" ผมเป็นคนเคารพเวลา ไม่ชอบให้ใครรอ เพราะฉะนั้นเวลาในการ ทำงานของผม จะตรงต่อเวลาเสมอ แต่ผมก็มีข้อเสียนะครับ คือเวลา ที่ผมรอใคร แล้วคนคนนั้น ไม่มาสักที ผมก็มักจะควบคุมอารมณ์ ของตัวเอง ไม่ค่อยได้ทั้ง ๆ ที่เหตุผลของเค้า เป็นเหตุผลที่น่าฟังมาก ก็ตาม และตอนนี้ผมกำลังหาวิธี เพื่อแก้ไข ข้อบกพร่องของผมอยู่ครับ"

4.คุณคิดจะทำอะไรให้กับบริษัทมากที่สุด

คำถามนี้จะทำให้คุณบอกถึง ความสามารถของคุณ ที่จะทำให้กับบริษัท ได้มากน้อยแค่ไหน ในการบอกถึงคุณสมบัติ ที่คุณสามารถทำได้นั้น ไม่ถือว่า เป็นการโอ้อวดว่า คุณเก่งแต่อย่างไร แต่สิ่งที่คุณพูดนั้น จะสามารถสร้าง น้ำหนัก ในการตอบคำถามให้แก่คุณได้

5.จะมีปัญหาอะไรไหมหากต้องทำงานล่วงเวลา

เจอคำถามนี้เข้า ก็ทำให้อึ้งเอาการ อยู่ทีเดียว ก็แหมใครอยากจะไป ทำงาน ล่วงเวลา หากไม่ได้ อะไรตอบแทนบ้างเลย ฉะนั้นในการตอบคำถามนี้ คุณควรจะกล่าวถึง ความพร้อมเสมอ ในการทำงานล่วงเวลา ถึงแม้ว่า ค่าตอบแทน อาจจะน้อยมาก หรือในการทำงานล่วงเวลา จะไปตรงกับ ตารางนัดสำคัญ กับคนพิเศษของคุณก็ตาม

"เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ ผมก็พร้อมจะทำงาน ล่วงเวลาเสมอ"

6.เรื่องทั่ว ๆ ไป

ในการสัมภาษณ์คุณอาจจะต้องพูดถึง เรื่องปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ข่าวทาง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และค่านิยม ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เป็นข่าว หนังสือพิมพ์ คำถามนี้จะแสดงให้เห็นว่า คุณให้ความสนใจกับข่าวสาร บ้านเมือง ไม่เป็นคนที่ตกข่าว สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับ เหตุการณ์ปัจจุบัน การทราบข้อมูลเหล่านี้ อาจทำให้คะแนน การสัมภาษณ์ ของคุณ เพิ่มขึ้นมาก็ได้

7.ความใฝ่ฝันและโครงการในอนาคต

เป็นการพิจารณาถึง ความเอาจริงเอาจังของคุณ เพราะหากคุณสามารถบอกถึง ทิศทางในอนาคตได้ นั่นก็แสดงว่าคุณสามารถรับผิดชอบ ในงานที่ได้รับ มอบหมายอย่างดีทีเดียว ก็ขนาดอนาคตที่ไม่มีใคร สามารถรู้ได้ คุณยัง วางแผนสู่อนาคต ได้อย่างเป็นระบบ นั่นก็หมายถึงว่า คุณไม่ได้มีความคิด ย่ำอยู่กับที่จริงไหม

8. คุณมีงานอดิเรกอะไรไหม

คำถามในข้อนี้จะเจาะประเด็นว่า คุณรู้จักแบ่งเวลาของคุณ ให้เกิดประโยชน์ มากน้อยแค่ไหน และแสดงให้เห็นถึง บุคลิกของคุณว่า คุณเป็นคนอย่างไร ร่าเริง เปิดเผย หรือเก็บตัว เช่น ถ้าคุณตอบว่า คุณชอบอ่านหนังสือ คุณอาจจะ ถูกถาม ต่อว่า หนังสือเล่มล่าสุดที่คุณอ่าน คือเรื่องอะไร และอาจให้คุณวิจารณ์ ถึงหนังสือเล่มนั้น ในการถามคำถามนี้ ยังสามารถได้รู้ถึง ความละเอียด อ่อนของคุณ การรู้จักสังเกต การมีปฏิภาณไหวพริบ กระทั่ง การใช้ชีวิต ร่วมกับคนอื่น ๆ อีกด้วย

9. คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่

เป็นเรื่องที่ยากมาก ในการตอบคำถามนี้ ถ้าหากว่า งานที่คุณไปสมัคร ระบุ เงินเดือนไว้แล้ว ก็เกิดความสบายใจหน่อย แต่ถ้าไม่ได้ระบุถึง อัตรา ค่าจ้างเลย ก็แย่หน่อย ทางที่ดีคุณควรตอบ ตามอัตราเงินเดือน ที่คนทั่วไป ได้รับกัน เช่น อาจจะถามเพื่อน ที่ทำงาน เหมือนกับตำแหน่ง ที่คุณสมัคร หรือตอบตาม เงินเดือนราชการ ที่คุณทราบก็ได้ แต่ถ้าหากผู้สัมภาษณ์ เสนอเงินเดือน มาสูง หรือต่ำกว่า อัตราที่คุณรู้ คุณก็อย่าพึ่งตอบตกลง คุณอาจจะขอเวลาในการ พิจารณาสัก 3 วัน แล้วค่อยให้คำตอบ เพราะถ้า เกิดคุณตอบตกลงไปแล้ว และคุณมาขอขึ้นทีหลังก็เหมือนกับว่า คุณเป็นคนโลเล ไม่น่าเชื่อถือก็ได้

10. คุณมีข้อสงสัยอะไรอีกไหม

เจอคำถามนี้ก็บ่งบอกว่า การสัมภาษณ์ได้สิ้นสุดลง แต่ในการตอบคำถาม ข้อสุดท้ายนี้ จะตอบอย่างไรดี ที่จะแสดงว่า เราไม่เป็นคนไม่ฉลาดออกมา เช่น คุณอาจถามย้ำ เรื่องเวลาการทำงานก็ได้

"ผมอยากทราบเวลา ที่แน่นอน ในการทำงานของผมครับ"

หรือคุณอาจจะไม่ต้องการถามอะไรก็ได้ เพราะการ ไม่ได้ถามก็เท่ากับว่า คุณได้ทราบข้อมูล ของบริษัทมากพอแล้ว แต่ถ้าเกิด สงสัยจริง ๆ ก็ควรตั้ง คำถามที่ฟังแล้วดูดี และถูกใจนายจ้างของคุณ ให้มากที่สุด


คำถามที่พูดมาข้างต้นนี้ดู ดูแล้วไม่ยากเลยใช่ไหม สำหรับการเตรียมตัว ในการ สัมภาษณ์ของคุณ แค่คุณมีความพร้อมกับ 10 คำถามเด็ด ๆ นี้ คุณก็สามารถ ชนะใจ กรรมการ ได้แล้ว อย่างน้อยมันคงมีสักคำถามล่ะ ที่ตรงกับการเตรียมตัวของคุณ และสร้าง ความมั่นใจ ในการตอบคำถามของคุณได้ แล้วอย่าลืมนำไป ปฏิบัติดูนะ เพราะสิ่งนี้ เป็นเส้นทาง ที่จะทำให้คุณสามารถได้รับ คัดเลือกเป็นพนักงาน ในบริษัทที่คุณใฝ่ฝัน ได้อย่างภาคภูมิใจ

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

30 ทิปเล็กน้อย ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

1. ในขณะที่คุณกำลังจะ Restart เครื่องใหม่ ก่อนที่จะกดปุ่ม OK ให้คุณกด Shift ค้างไว้ จะทำให้คุณ Restart ได้เร็วขึ้น

2. ในบาง Web Site หากคุณกด Ctrl ค้างไว้ และเลื่อน Scroll ที่ Mouse จะทำให้ตัวอักษรของ Web Site นั้นใหญ่ขึ้น

3. หากกดปุ่ม Refresh หรือ F5 แล้วยังเป็นข้อมูลเดิม ลองกด Ctrl + F5 รับรองจะได้ข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดแน่ๆ

4. คุณสามารถเปิดไฟล์ Tips.txt ขึ้นมาเพื่ออ่านเทคนิคต่างๆ ได้ ซึ่งไฟล์นี้จะอยู่ใน c:\\windows ของคุณ

5. ในระหว่างที่คุณกำหลังใช้งาน IE อยู่นั้น สามารถกดปุ่ม F4 เพื่อเป็นการเปิดดู URL List ในช่อง Address ได้เลย

6. การกดปุ่ม Esc ระหว่างการใช้ IE จะทำให้ IE ของคุณนั้นหยุดโหลดได้ โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Stop

7. ระหว่างการใช้ IE สามารถกดปุ่ม Alt + D หรือ Ctrl + Tab เพื่อเข้า Address bar อย่างเร็วได้

8. คุณสามารถเพิ่มความเร็วให้กับ Internet ได้โดยทำการถอดสายเครื่องโทรศัพท์ ที่มีการต่อพ่วงอยู่กับสายที่ใช้ต่อ Internet ออก

9. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า welcome กด Enter เพื่อเปิดหน้าต่างต้อนรับของ Windows ได้

10. ที่ Notepad หรือ ICQ หากคุณลืมเปลี่ยน Mode ภาษา ให้กดปุ่ม Ctrl + Back Space เพื่อแก้คำที่พิมพ์ผิดไปแล้ว

11. คุณสามารถ เปิด Folder Desktop อย่างรวดเร็ว โดย Start -> Run พิมพ์จุด (.) ลงไปแล้วกด Enter

12. ใน IE สามารถกด Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้า Page ลงได้ ส่วนเลื่อนขึ้นคือ Shift + Space Bar

13. ใน Windows คุณไม่สามารถ สร้าง Folder ที่ชื่อ \”con\” ได้

14. ใน IE ที่ช่อง Address ปุ่ม Ctrl+Enter สามารถช่วยคุณในการพิมพ์ URL ได้เร็วยิ่งขึ้น

15. การกด Ctrl ค้างเอาไว้ ตอนเวลา BOOT เครื่อง จะทำให้คุณไม่พลาด Startup Menu

16. คุณสามารถปิดนาฬิกาที่ Taskbar ได้ โดยคลิกขวาที่ Task bar > Properties > เอาเครื่องหมาย Show Click ออก

17. หากคุณกด F11 ใน Windows Explorer จะช่วยให้มีการทำงานที่สะดวกขึ้น

18. ใน ICQ การส่ง Message หากคุณกด Ctrl+Enter จะสะดวก กว่าการ Click Mouse ที่ปุ่ม send

19. คุณสามารถกด F2 เพื่อ ใช้ในการเปลี่ยนชื่อ Icon ต่างๆ ได้

20. การกด F5 ใน NotePad จะเป็นการแทรก เวลา และวันที่ ปัจจุบัน

21. การกด Windows + E จะเป็นเปิด Windows Explorer ขึ้นมา

22. เปิด System Properties อย่างรวดเร็วคือการกด Window + Pause Break

23. การย่อยทุกๆ หน้าต่างที่เปิดใช้งาน ให้ยุบไปให้หมด คือการกด Window + D ถ้าจะขยายคืนมาอีก ให้กดซ้ำ

24. การเคาะวรรคในโปรแกรม Dreamweaver คือ Shift + Ctrl + Space Bar ส่วนการเว้นบรรทัดคือ Shift + Enter

25. การลบไฟล์แบบ ไม่เก็บไว้ใน Recycle Bin คือการกด Shift + Delete

26. การกด Shift ค้างไว้ เวลาใส่แผ่น CD-Rom จะเป็นการไม่ให้มันเปิด Autorun ของแผ่น CD-Rom นั้นขึ้นมา

27. การ Restart เครื่องอย่างเร็ว คือไปที่ Start -> Shut Down… -> Restart จากนั้น ก่อนที่จะ OK ให้กด Shift ค้างเอาไว้

28. ในระหว่างใช้ Browser คุณสามารถกดปุ่ม Space Bar เพื่อเลื่อนหน้าลง และ Shift + Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้าขึ้นได้

29. กด Shift + คลิก จะเป็นการเปิดหน้าต่างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้อง back กลับ

30. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า hwinfo /ui กด Enter เพื่อดูรายงานต่างๆ ของ HardWare

ดูรูปประกอบ : http://www.computerfc.com/30-a-little-tip-that-should-not-be-overlooked

Cedit : www.ComputerFC.com

วิธีหา Driver ขั้นเทพ เมื่อในเว็ปไม่มีให้โหลด

เคยมั้ยกับการที่ต้องการหา Driver XP แต่ในเว็ปมีแต่ VISTA-7 หาDriver 7 แต่ในเว็ปมีแค่XP.......
อยาก จะหา Driver แต่ไม่รู้ว่าอุปกรณ์นั้น คืออะไร ทำงานยังไง แบบว่า มึนตึ๊บ... - -" เปิดมามีแต่เครื่องหมายตกใจ โอ้ว.....มันปวดหัวมากเลย....ซาร่าห์

วันนี้ปัญหาของท่านจะหมดไป ถ้าท่านได้อ่านบทความสั้นๆนี้......( โอ้ว....สวดยวดไปเลย จอร์จ )

 ขั้นแรกต้องหาชื่อของอุปกรณ์ตัวนั้นซะก่อน คลิกขวาที่ MyComputer >> Manage >> Devicemanager




 คลิกขวาที่อุปกรณ์ ที่ต้องการ (สมมุติตัวนี้ของผมไม่มี Driver นะ) >> Properties




 ไม่รู้ชื่อ ก็ขอดูหมายเลขบัตรประชาชนแทน อิอิ

 คลิ๊กช่อง Details >> Hardware ID >> ก็อปเลขชุดที่2ไว้(ถ้าเป็น XP กด Ctrl+C )




 เอาหมายเลขบัตร ไปค้นหาใน Google >> นั่นไง...รู้แล้วชื่ออะไร ทำงานอะไร อิอิ



 รู้ชื่อแล้วไปหา Driver กันดีกว่า ใส่ชื่อในช่องค้นหาเคล็ดลับอยู่ที่ใส่คำว่า .exe .zip ต่อท้ายคำค้นหาแล้วอากู๋จะพาไปที่ ที่มีDriver พร้อมให้โหลด



 โอ้ว......มันง่ายจริงๆจอร์จ ....

เครดิต  ok.chok

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

วิธีลดอาการ" ป ว ด ฟั น "

อยากหายทรมานจากอาการปวดฟัน ลองปฏิบัติตามคำแนะนำง่ายๆต่อไปนี้ดูสิคะ

เมื่อมีอาการปวดฟัน ให้ประคบด้านข้างของใบหน้าซีกที่ปวดฟันด้วยน้ำอุ่น
ใน กรณีที่อาการปวดฟันมีลักษณะปวดตุบๆ ที่อาจเกิดจากการติดเชื้อ ให้ประคบที่ด้านข้างของใบหน้าด้วยน้ำแข็งประมาณ 5-10 นาที ทุกๆครึ่งชั่วโมง ความเย็นจะช่วยลดทั้งอาการปวดและบวม

ถ้ามีอาการเสียวฟันง่าย ให้ใช้โซดาไฟ หรือแปรงฟันด้วยยาสีฟันสูตรสำหรับแก้เสียวฟัน
เมื่อต้องอยู่ในที่ที่อากาศเย็น หรือในช่วงฤดูหนาวสามารถป้องกันอาการเสียวฟัน หรืออาการปวดฟันจากอากาศเย็นได้โดยปิดปากด้วยผ้าพันคอ

เลี่ยงอาหารที่ร้อนจัด เย็นจัด และหวานจัด โดยเฉพาะชา กาแฟ และไอศกรีม เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้มีอาการ

งด อาหารที่แข็งจนต้องใช้วิธีกัดกิน เช่น แครอท แอปเปิ้ล ฝรั่ง ที่ยังไม่สุก เพราะการขบกัดฟันแรงๆกับวัตถุแข็งๆจะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดฟัน

และในกรณีที่อุดฟัน ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะจะทำให้สารที่อุดฟันไว้หลุดออกมาง่ายขึ้น


MORSENGBANGKOK.COM

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เทคนิคสอนลูก ให้เก่งเลข

พ่อธีร์" แชร์เทคนิคสอนลูก "เก่งเลข" ง่ายนิดเดียว

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กไทยส่วนใหญ่กับวิชาคณิตศาสตร์ ยังคงเป็นทางคู่ขนานที่หาทางบรรจบกันได้ยาก สาเหตุหนึ่งเกิดจากทัศนคติที่ว่า คณิตศาสตร์เป็นเรื่องซับซ้อน เข้าใจยาก น่าเบื่อ และไม่สนุก แต่หากพ่อแม่ได้อ่านสิ่งที่ทีมงาน Life and Family นำเสนอต่อไป เชื่อว่าเด็กกับตัวเลขจะค่อย ๆ เขยิบเข้าหากันไม่มากก็น้อย

บอก เล่าได้จาก พ่อธีร์ ปัณณธีร์ ผู้เขียนหนังสือ "คณิตศาสตร์เรื่องง่าย สอนได้ก่อนอนุบาล" เรื่องดังจากเว็บบอร์ดรักลูกที่มีพ่อแม่เข้าไปอ่านเกือบ 200,000 ครั้ง จนนำมาทดลองสอนลูกวัยก่อน 2 ขวบ พบว่า ลูกเก่งเลขจริงอย่างน่าอัศจรรย์

โดยพ่อธีร์ เผยหลักการว่า การสอนให้เด็กเข้าใจ และสนุกกับตัวเลข โดยเฉพาะเด็กก่อนวัยเรียน ถือเป็นหน้าที่สำคัญของพ่อแม่ที่ต้องสอนลูกให้เห็นมากกว่าคิด เพราะการจะทำให้เด็กชอบเลข จินตนาการต้องมาก่อนการเรียนรู้ ซึ่งการสอนในเด็กเล็ก พ่อธีร์แนะว่า ควรเริ่มจากให้เด็กรู้จักสัญลักษณ์ของตัวเลข สอนให้นับ 1-10 สอนให้รู้จักจำนวน สอนเขียนตัวเลขโดยไม่จับดินสอ แต่ใช้นิ้วชี้ลากไปตามตัวเลข แล้วค่อย ๆ เพิ่มความซับซ้อนของเนื้อหาตามความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก

"การ เรียนคณิตศาสตร์ของเด็ก ต้องมีมิติให้เด็กได้ใช้จินตนาการ การที่เด็กคนหนึ่งจะเก่งคณิตศาสตร์ไม่ใช่เด็กที่ตอบได้ว่า 3+4 เท่ากับ 7 แต่เด็กที่เก่งได้ต้องเห็นธรรมชาติ ถ้าจินตนาการไม่มา การเรียนรู้ก็เกิดได้ยาก" พ่อธีร์กล่าว

 พื้นฐานกิจกรรม 4 อย่าง ฝึกลูกสนุกเลข
ดังนั้นจึงสอดรับกับ 4 กิจกรรมพื้นฐานที่พ่อธีร์ออกแบบไว้สำหรับพ่อแม่เพื่อนำไปใช้กับลูกที่บ้าน ง่าย ๆ โดยมีรายละเอียดของกิจกรรมดังต่อไปนี้

1. ทายลูกปัด

เป็น กิจกรรมที่สอนให้ลูกรู้จักจำนวน การเพิ่มการลด วิธีเล่น หยิบลูกปัด หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เช่น กระดุมเม็ดใหญ่ ก้อนกรวดทาสี บล็อกไม้ ออกมาจำนวนไม่เกิน 5 เม็ด กี่ลูกก็ได้ แล้วให้ลูกทายแบบลุ้นสุด ๆ เช่น นี่กี่เม็ดลูก ถ้าลูกตอบถูกให้เก็บแล้วหยิบออกมาใหม่ แต่ถ้าลูกตอบผิด เพียงแค่บอกจำนวนที่ถูกต้องไป แล้วหยิบขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้องสอนให้ลูกนับ โดยวัตถุประสงค์ของการทายลูกปัดเพื่อให้เด็กรู้จักจำนวน และฝึกให้เด็กกวาดสายตามองแล้วตอบได้อย่างรวดเร็ว

"ทำไมถึงสอนแบบนี้ ก็เพราะว่ามันเป็นธรรมชาติ การที่เด็กได้เห็นธรรมชาติ เขาไม่ต้องนับ เช่น ลูกสาวผมเวลาเห็นดอกชบา จะบอกได้เลยว่า ดอกชบาส่วนใหญ่มี 5 กลีบ นั่นเพราะเขาเห็นธรรมชาติ มันอยู่ในจินตนาการของเขา ซึ่งต่างกับเด็กที่เจออะไรก็นับ มันทำให้การเรียนรู้ช้า ดังนั้นพ่อแม่ต้องสอนลูกก่อนวัยเรียนให้เห็น มากกว่าคิด เพราะการคิดเดี๋ยวโรงเรียนเขาสอนให้เอง" คุณพ่อธีร์บอก

 2. นับเลขปากเปล่า

เป็นกิจกรรมนับเลขเร็ว หรือจับเวลาให้ลูกนับไม่เกิน 1 นาที เช่น 1-10 เป็นการฝึกความไวของสมองในการนับเลข ถ้าเด็กยังพูดไม่ได้ให้พ่อแม่นับให้ฟังเล่น ๆ ไปก่อน สำหรับเด็กที่พูดได้แล้ว พ่อแม่ควรเล่นกับลูกบ่อย ๆ เช่น นับเดินหน้า นับถอยหลัง หากลูกนับ 1-10 หรือ 10-1 ได้ดีแล้ว ให้ต่อยอดไปเรื่อย ๆ แต่อย่าลืมหัวเราะกับลูกด้วย

 2. นับเลขปากเปล่า
      เป็นกิจกรรมนับเลขเร็ว หรือจับเวลาให้ลูกนับไม่เกิน 1 นาที เช่น 1-10 เป็นการฝึกความไวของสมองในการนับเลข ถ้าเด็กยังพูดไม่ได้ให้พ่อแม่นับให้ฟังเล่น ๆ ไปก่อน สำหรับเด็กที่พูดได้แล้ว พ่อแม่ควรเล่นกับลูกบ่อย ๆ เช่น นับเดินหน้า นับถอยหลัง หากลูกนับ 1-10 หรือ 10-1 ได้ดีแล้ว ให้ต่อยอดไปเรื่อย ๆ แต่อย่าลืมหัวเราะกับลูกด้วย
     
      3. วางเบี้ย
      เป็นกิจกรรมฝึกให้เด็กรู้จักใช้สายตา การมอง และการสัมผัส เพื่อให้เด็กเรียนรู้ตำแหน่งของตัวเลขได้อย่างแม่นยำ
     
      วิธีเล่น
      - เด็กเล็ก เริ่มจากเบี้ยแค่ 5 ตัว คือ เลข 1-5 ก่อน
      - หยิบเบี้ยเลขใดขึ้นมาก็ได้ แล้ววางในช่วงดังกล่าวบนกระดาน ทำจนครบ 5 ตัว
      - วันแรก ๆ คุณพ่อคุณแม่อาจทำให้ลูกดูก่อน ถ้าลูกยังไม่สนใจให้เล่นกันเอง 2 คน ทำท่าทางสนุก ๆ ลูกจะรู้สึกอยากมาเล่นเองภายหลัง
      - จำนวนเบี้ย ใช้จำนวนเท่าที่เด็กสามารถวางได้ภายใน 3 นาทีเป็นหลัก เช่น เด็กสามารถวางเบี้ยเลข 1-20 ได้ภายใน 3 นาที ก็เอาเท่านี้ก่อน เมื่อเด็กทำได้ดีขึ้นเหลือไม่เกิน 2 นาที จึงค่อยเพิ่มจำนวนเบี้ย
      - เพิ่มจำนวนเบี้ยเป็น 10 20 30 ขึ้นไปตามลำดับจนถึง 100 ตัวในที่สุด
      - จดบันทึกเวลา จำนวนเบี้ยที่วาง พัฒนาการ และกุศโลบายล่อหลอกที่ได้ผล
      หมายเหตุ กระดานวางเบี้ย 100 ช่อง ยังไม่มีขายตามท้องตลอด จะดัดแปลงจากกระดานโกะก็ได้ พ่อแม่ลูกสามารถช่วยกันทำเองได้ในราคาประหยัด

 4. การลากนิ้วตามตัวเลข : ให้คุณแม่คุณพ่อ พิมพ์หรือว่าเขียนตัวเลข 1-10 ตัวโต ๆ แล้วก็จับนิ้วลูก ลากตามตัวเลขนั้น ๆ เหมือนเวลาเราเขียน แล้วก็พอลากเสร็จก็ บอกลูกว่า นี่คือเลข หนึ่ง

30 วิธีแสนง่ายในการเลี้ยงลูกให้ฉลาด

30 วิธีแสนง่ายในการเลี้ยงลูกให้ฉลาด

30 วิธีง่ายๆ ต่อไปนี้อาจช่วยขยายไอเดียของคุณ ๆ ได้ หากลูกคุณยังไม่ได้ดั่งใจ แต่อย่างใดก็ตามเด็กก็คือเด็ก เป็นผ้าขาวของสังคม เราต้องเข้าใจธรรมชาติของเขา ก่อนที่จะไปเปลี่ยนแปลงให้เขาเป็นในสิ่งที่เราอยากให้เป็น วิธีต่างๆ เหล่านี้ผ่านการวิเคราะห์ ทดสอบ ทดลอง และสรุปผลมาแล้วจากนักวิชาการว่าใช้ได้ผลดีมาแล้วทั่วโลก

 1.ตามองตา 
เมื่อลูกลืมตาตื่นขึ้น ให้เรามองหน้าสบสายตาหนูน้อยสักครู่ หนูน้อยแรกเกิดจดจำใบหน้าของคนได้เป็นสิ่งแรกเสมอ และใบหน้าของพ่อแม่คือใบหน้าแรกที่ลูกอยากจะจดจำ ซึ่งแต่ละครั้งที่หนูน้อยจ้องมองใบหน้าของเรา สมองก็จะบันทึกความทรงจำไว้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
 2.พูดต่อสิลูก
เวลาพูดกับลูก เว้นช่องว่างในช่วงคำง่าย ๆ ที่ลูกจะสามารถพูดต่อได้ เช่น พยางค์สุดท้ายของคำ หรือคำสุดท้ายของประโยค ในช่วงแรก ๆ ลูกอาจจะเงียบและทำหน้างง แต่ในที่สุดถ้าทำอย่างนี้บ่อย ๆ ในประโยคซ้ำ ๆ ลูกจะค่อย ๆ จับจังหวะ จับคำพูดบางคำได้ และเริ่มพูดต่อในช่วงว่างที่พ่อแม่หยุดไว้ให้
 3.ฉลาดเพราะนมแม่ 
ให้นมแม่นานที่ สุดเท่าที่จะทำได้ ผลการศึกษาในเด็กวัยเรียนพบว่า เด็กที่กินนมแม่ตอนที่เป็นทารกมักจะมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ นอกจากนี้การให้นมลูกยังเป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างสายสัมพันธ์กับลูกน้อย
 4. ทำตลกใส่ลูก 
แม้กระทั่งเด็กน้อยอายุเพียงแค่ 2 วัน ก็มีความสามารถเลียนแบบการแสดงออกทางสีหน้าอย่างง่าย ๆ ของพ่อแม่ได้ ไม่เชื่อลองแลบลิ้นหรือทำหน้าตาตลก ๆ ใส่ ลูกคุณจะทำตามแน่ ๆ
 5.กระจกเงาวิเศษ 
ทารกน้อยเกือบทุกคนชอบส่องกระจก เขาจะสนุกที่ได้เห็นเงาของตัวเองในกระจกโบกมือหรือยิ้มแย้มหัวเราะตอบออกมาทุกครั้ง
 6.จั๊กจี้ จั๊กจี้
การหัวเราะเป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการด้านอารมณ์ขัน การเล่นปูไต่ทำให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับการคาดเดาเหตุการณ์ด้วยว่า ถ้าพ่อแม่เล่นอย่างนี้แสดงว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ปูจะไต่จากไหนไปถึงไหนเป็นต้น
 7.สองภาพที่แตกต่าง 
ถือรูปภาพ 2 รูป ที่คล้ายกันให้ลูกมอง โดยวางให้ห่างจากใบหน้าของลูกประมาณ 8-12 นิ้ว เช่น ภาพรูปบ้านที่เหมือนกันทั้งสองรูป แต่อีกรูปหนึ่งมีต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ข้างบ้าน แม้ยังเป็นเด็กทารกแต่เขาสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างนี้ได้ เป็นการสร้างความจำที่จะเป็นพื้นฐานในการจดจำตัวอักษรและการอ่านสำหรับลูก ต่อไป
 8.ชมวิวด้วยกัน
พาลูกออกไปเดิน เล่นนอกบ้าน และบรรยายสิ่งที่เห็นให้ลูกฟัง เช่น โอ้โหต้นไม้ต้นนี้มีนกเกาะอยู่เต็มเลย ดูสิลูกบนนั้นมีนกด้วย การบรรยายสิ่งแวดล้อมให้ลูกฟังสร้างโอกาสการเรียนรู้คำศัพท์ให้กับลูก
 9.เสียงประหลาด 
ทำเสียงเป็นสัตว์ประหลาด คุ๊กคู ๆ หรือทำเสียงสูง ๆ เลียนแบบเสียงเวลาที่เด็ก ๆ พูด ทารกน้อยจะพยายามปรับการรับฟังเสียงให้เข้ากับเสียงต่าง ๆ จากพ่อแม่
 10.ร้องเพลงแสนหรรษา 
สร้างเสียงและจังหวะส่วนตัวระหว่างเราและลูกน้อยขึ้นมา เช่น เวลาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก ก็ร้องเพลงเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก อาจจะเป็นกลอนสั้น ๆ แล้วใส่เสียงสูงต่ำแบบการร้องเพลงเข้าไป หรืออีกทางคือเปิดเพลงชนิดต่าง ๆ ให้ลูกฟังบ้าง เช่น บางวันอาจจะเป็นลูกทุ่ง บางวันเป็นเพลงบรรเลง หรือเพลงป๊อปยอดฮิตทั่วไป มีนักวิจัยค้นพบว่า จังหวะดนตรีเกี่ยวพันกับการเรียนรู้คณิศาสตร์ของลูก
11.มีค่ามากกว่าแค่อาบน้ำ
เวลาในการอาบน้ำสอวนให้ลูกรู้จักส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการอาบน้ำ การบรรยายให้ลูกฟังไปด้วยว่ากำลังทำอะไรและจะทำอะไรต่อไปเท่ากับเป็นการสอน คำศัพท์ และช่วยให้ลูกเรียนรู้เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันไปในตัว
 12.อุทิศตัวเป็นของเล่น 
ไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องเล่นราคาแพงไว้ให้ลูกบริหารร่างกาย เพียงแค่คุณพ่อหรือคุณแม่นอนราบลงไปบนพื้น และปล่อยให้หนูพยายามคลานข้ามตัวไป แค่นี้ร่างกายของคุณพ่อคุณแม่ก็จะกลายเป็นสนามเด็กเล่นที่ราคาถูกที่สุด และสนุกที่สุดสำหรับหนูน้อยได้พัฒนากล้ามเนื้อให้ทำงานสัมพันธ์ และเรียนรู้เรื่องการแก้ปัญหาไปพร้อมกัน
 13.พาลูกไปช็อปปิ้ง 
นาน ๆ ครั้งพาลูกน้อยไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตด้วยก็ไม่เสียหาย ใบหน้าผู้คนอันหลากหลาย รวมถึงแสง สี เสียง ในห้างสรรพสินค้า คือ สิ่งบันเทิงใจสำหรับหนูน้อยเชียวล่ะ
 14.ให้ลูกมีส่วนร่วม 
พยายามให้ลูกได้มีส่วนร่วมในกิจวัตรต่าง ๆ เช่น ถ้ากำลังจะปิดไฟก็อาจจะบอกลูกว่า แม่กำลังจะปิดแล้วนะ เสร็จแล้วจึงกดปิดสวิชต์ไฟ นี่จะเป็นการสอนให้ลูกเรียนรู้เกี่ยวกับเหตุและผล ลูกน้อยจะเรียนรู้ว่าเมื่อคุณแม่กดสวิชต์ หลอดไฟจะปิดเป็นต้น
 15.เสียงและสัมผัสจากลมหายใจ
ช่วยให้ลูกน้อยกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยการเป่าลมเบา ๆ ไปตาม ใบหน้า มือ แขน หรือท้องของลูก หาจังหวะในการเป่าของตัวเอง เช่น เป่าเร็ว ๆ สลับกับช้า หรือเป่าแล้วตามด้วยเสียงต่าง ๆ ตามแต่จินตนาการของคุณพ่อคุณแม่ แล้วรอดูปฏิกริยาตอบสนองจากลูก
 16.ทิชชู่หรรษา 
ถ้าลูกชอบดึงกระดาษทิชชู่ออกจากม้วน ปล่อยเขาค่ะ อย่าห้าม แต่อาจใช้กระดาษทิชชู่ม้วนที่เราใช้ไปพอสมควรแล้ว จนเหลือกระดาษอยู่เพียงเล็กน้อย เพราะการที่เด็กน้อยได้ขยำหรือขยี้กระดาษให้ยับย่น หรือพับให้เรียบนั้นเป็นการฝึกประสาทสัมผัสและการใช้มือของลูกเป็นอย่างดี
 17.อ่านหนังสือให้ลูกฟัง
การอ่านหนังสือ ช่วยให้ลูกเรียนรู้เรื่องภาษาได้จริง ๆ มีผลการวิจัยออกมาว่า แม้กระทั่งเด็กอายุ 8 เดือน สามารถเรียนรู้จดจำการเรียงลำดับคำในประโยคที่ผู้ใหญ่อ่านให้ฟังซ้ำ 2-3 ครั้งได้ ดังนั้น ควรจัดเวลาในแต่ละวันอ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นประจำ
 18.เล่นซ่อนหาจ๊ะเอ๋ 
การเล่นจ๊ะเอ๋นี้นอกจากจะทำให้ลูกหัวเราะแล้ว ยังช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่าเมื่อสิ่งของหายไปแล้วสามารถกลับคืนมาได้อีก
 19.สัมผัสที่แตกต่าง 
หาสิ่งของที่มีผิวสัมผัสแตกต่างกัน เช่น ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ไม้ หรือผ้าฝ้าย ค่อย ๆ นำพื้นผิวแต่ละอย่างไปสัมผัสแก้ม เท้า หรือท้องลูกเบา ๆ ระหว่างนี้คุณพ่อคุณแม่ก็บรรยายให้ลูกฟังไปด้วยว่าความรู้สึกเมื่อถูกสัมผัส เป็นอย่างไร เช่น นี่จั๊กจี้นะลูก ส่วนอันนี้นุ๊ม นุ่ม ใช่ไหม เป็นต้น
 20.ให้ลูกผ่อนคลายและอยู่กับตัวเองบ้าง
ให้เวลาประมาณ 5-10 นาที ในแต่ละวัน นั่งเงียบ ๆ สบาย ๆ กับลูกน้อยบนพื้นบ้าน ไม่ต้องเปิดเพลง เปิดไฟ หรือเล่นอะไรกัน ปล่อยให้ลูกได้สำรวจสิ่งต่าง ๆ ตามใจชอบ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องไปยุ่งกับลูกเลยและรอดูว่าใช้เวลาสักเท่าไรหนูน้อยจึงจะ คลานมาขอเล่นกับคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง นี่เป็นการฝึกความเป็นตัวของตัวเองให้ลูกขั้นแรก
 21.ทำอัลบั้มรูปครอบครัว
นำรูปภาพของ ญาติ ๆ มาใส่ไว้ในอัลบั้มเดียวกัน และนำออกมาให้ลูกดูบ่อย ๆ เพื่อให้จดจำชื่อญาติแต่ละคน แล้วเวลาที่คุณปู่ หรือคุณย่าโทรศัพท์มา ก็นำรูปท่านออกมาให้ลูกดูพร้อมกับที่ให้ลูกฟังเสียงของท่านจากโทรศัพท์ไป ด้วย
 22.มื้ออาหารแสนสนุก 
เมื่อถึงเวลาที่ลูกสามารถกินอาหารเสริมที่หลากหลายมากขึ้นได้แล้ว อย่าลืมจัดอาหารของลูกให้มีชนิด ขนาดและพื้นผิวที่หลากหลาย เช่น มีทั้งผลไม้ชิ้นเล็ก เส้นพาสต้า มักกะโรนี หรือซีเรียล ปล่อยให้ลูกน้อยใช้มือจับอาหารถ้าลูกอยากทำ เป็นการฝึกใช้นิ้ว และฝึกใช้ประสาทสัมผัสเมื่อได้สัมผัสกับอาหารที่มีลักษณะแตกต่างกัน
 23.เด็กชอบทิ้งของ 
บางครั้งดูเหมือนเด็กชอบทิ้งของลงพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พฤติกรรมนี้เกิดจากเด็กทดสอบเรื่องแรงโน้มถ่วงว่าจะตกลงสู่พื้นทุกครั้งหรือไม่
 24.กล่องมายากล
หากล่องหรือ ตลับที่เหมือนกันมาสักสามอัน แล้วซ่อนของเล่นชิ้นโปรดของลูกไว้ในกล่องใบหนึ่ง สลับกล่องจนลูกจำไม่ได้ แล้วให้ลูกค้นหาของเล่นชิ้นนั้นจนเจอ นี่เป็นเกมฝึกสมองอย่างง่ายสำหรับเด็ก
25.สร้างอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ
กระตุ้นทักษะ การทำงานของกล้ามเนื้อให้ลูก โดยนำเบาะ โซฟา หมอน กล่อง หรือของเล่นวางขวางไว้บนพื้น แล้วพ่อแม่ก็แสดงวิธีคลานข้าม ลอด หรือคลานรอบ ๆ สิ่งกีดขวางเหล่านี้ได้อย่างไร
26.เลียนแบบลูกบ้าง
เด็กชอบให้พ่อ แม่ทำอะไรตามเขาในบางครั้ง เช่น เลียนแบบท่าหาวของลูก แกล้งดูดขวดนมของลูก ทำเสียงเลียนแบบเวลาที่ลูกส่งเสียงอ้อแอ้ หรือคลานในแบบที่ลูกคลาน การทำอย่างนี้กระตุ้นให้ลูกแสดงกิริยาท่าทางต่าง ๆ ออกมา เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของพ่อแม่ นี่คือก้าวแรกของลูกสู่การมีความคิดสร้างสรรค์
27.จับใบหน้าที่แปลกไป 
ลองทำหน้าตาแปลก ๆ เช่น ขมวดคิ้ว แยกเขี้ยว แลบลิ้นให้ลูกดู เวลาลูกเห็นพ่อแม่ทำหน้าตาตลก หนูน้อยจะอยากลองจับ ปล่อยให้ลูกได้ลองจับต้องใบหน้าของพ่อแม่ แล้วสร้างเงื่อนไขบางอย่างขึ้นมา เช่น ถ้าลูกจับจมูกจะทำเสียงแบบนี้ ถ้าจับแก้มจะทำเสียงอีกแบบหนึ่ง ทำแบบนี้ 3-4 รอบ แล้วจึงเปลี่ยนเงื่อนไขไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ลูกแปลกใจ
28.วางแผนคลานตามกัน 
ลองคลานเล่นไปกับลูกให้ทั่วบ้าน คลานช้าบ้าง เร็วบ้างและหยุดหรือพ่อแม่อาจจะวางของเล่นที่น่าสนใจ หรือจัดบ้านในบางมุมให้แปลกไปก่อนที่จะมาคลานเล่นกับลูกเพื่อไปสำรวจตามจุด ต่าง ๆ ที่จัดไว้ตามแผน
29.เส้นทางแห่งความรู้สึก
อุ้มลูกน้อย เดินไปทั่วบ้านในวันฝนตก จับมือลูกไปสัมผัสหน้าต่างที่เย็นชื้น หยดน้ำที่เกาะบนใบไม้ ต้นไม้ หรือสิ่งของอื่น ๆ ในบ้านที่จับต้องได้อย่างปลอดภัย เป็นการเปิดประสาทสัมผัสของลูกสู่ความรู้สึกต่าง ๆ เมื่อได้แตะต้องสิ่งของเย็น เปียก หรือความลื่น
30.เล่าเรื่องของลูก
เลือกนิทาน เรื่องโปรดของลูก แต่แทนที่จะเล่าอย่างที่เคยเล่า ลองใส่ชื่อของลูกลงไปแทนที่ชื่อตัวละครตัวสำคัญของเรื่อง เพื่อให้หนูน้อยรู้สึกแปลกใจและสนุกสนานไปกับชื่อของตัวเองในนิทาน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสาร at office issue 55 August 2008 p.30-34
โดย เป๊กกี้
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กรุ๊ปเลือดไหนเป็นคนแบบใด


นิยามของคนแต่ละกรุ๊ปเลือด 


 

              O        กวนตีน ชิล ๆ


               B        โผงผาง จริงใจ 


               A         จุกจิก เนี๊ยบ 


               AB      ประหลาด ลึกลับ

 

 

Group 'O' 

เริ่มจากรุ๊ปนี้ก่อน เลย คนกรุ๊ปโอไม่ต้องตกใจว่าทำไม เราเป็นคนที่มีนิสัยชิล 
มันไม่ได้เกิด จากคุณเอง เกิดจากเผ่าพันธ์ ยีนของคุณ  กรุ๊ปโอมักจะชิลกับตนเองเสมอ 
มาสายมากถึงมากที่สุดเวลานัด กันกับคนอื่นอื่น โดนรบกวนได้ง่ายจากปัจจัยภายนอก 
เช่น อยากอาบน้ำร้อนก่อนในวัน ฝน ตกไม่งั้นไม่ออกจากบ้าน 
ขออ่านการ์ตูนก่อน อีกสิบหน้าจะจบแล้ว 
รอ ฝน มันซากว่านี้แล้วกันค่อยออกแม้จะไปอีกทีสายแล้ว ก็ไม่เป็นไร 

กรุ๊ป โอ เป็นพวกไม่มีไฟแล้วทำอะไรไม่ได้ จะนอนอยู่กับบ้านได้ทั้งวัน 
แต่ถ้า วันนึงมีความฝันที่ต้องทำ มีกิเลสที่ตัวเองต้องการ 
จะทำสุดชีวิตแบบถึง เช้าถึงเที่ยงคืนก็ทำได้ ไม่หลับไม่นอน 

ความรัก กรุ๊ปโอจะเป็นพวกรักนานๆ ไปเรื่อยๆไม่หวือหวา พวกกรุ๊ปโอ จะเป็นคนไว้ใจคนยาก 
แต่ถ้ารู้จักกันไปแล้วก็จะติดเพื่อน ติดแฟนอย่างแยกไม่ออก 
เวลากรุ๊ปโอมาเจอกับกรุ๊ปโอกันเองจะจูนยาก เพราะจะดูๆกันก่อน 
กรุ๊ปโอเป็นพวกจะคบใครจะค่อยๆดู พอเจอโอกันเองเลยดูกันนาน 
แต่พอคบไปเรื่อยๆจะสนิทกันมากที่สุดกว่ากรุ๊ป อื่น แต่ก็จะมีช่องว่างให้กันด้วย 

กรุ๊ปโอเป็นพวกตามน้ำ เวลาจะเอาคนกรุ๊ปโอไปไหน เขาก็ไปได้หมดล่ะ แต่ต้องมารับโทรไปตาม 
ให้ ความสำคัญ  ต้องอัญเชิญว่าง่ายๆเถอะมาแน่! ต้องให้คนไปง้อ 
กรุ๊ปโอไม่ พูดอะไรออกจากใจ ภายในทันทีจะไปคิดทีนึงแล้วค่อยมาบอก 
บางทีจะทำอะไรก็ ชอบไปปรึกษาก่อนว่าแบบนี้ดีไหม? 
มีเรื่องกลุ้มใจก็จะรบกวนคนรอบข้างคอย ช่วยปรับสารทุกข์สุขดิบ 
แล้วก็กลับมาดีได้ด้วยแรงใจของคนรอบข้าง 

กรุ๊ป โอจะเป็นพวกปากหวานถ้าทำอะไรไม่เป็นก็จะทำตาปริบๆ ให้คนช่วยทำเสมอ 
นอก จากนี้โอยังเป็นพวกเจ้าสัวใจถึง ถ้ากลางที่สาธารณะก็จะหน้าใหญ่ใจกว้าง 
หลัง จากงานเลี้ยงค่อยมาคิด เออหมดตัวแล้ว

 

 Group 'B' 

กรุ๊ป B เป็นกรุ๊ป Entertain อย่างหนักหน่วงและ เป็นสีสันของวงสนทนา 
ไอเดีย ที่ B คิดจะตรงพูดจากใจเสมอ เรียกเสียงหัวเราะของคนในวงได้
เพราะ คนอื่นจะคิด "กูก็คิดแบบนั้น แต่ไม่กล้าพูด"' 
บี เวลารักใครอัดเต็มบ้าเห่อ พอชอบใครจะเอาตัวเอง ไปเลียบๆเคียงๆ คนที่ตัวเองชอบแบบเนียนๆ 

ส่วนมากกรุ๊ปบีจะไปชอบคนกรุ๊ปโอ ด้วยความนิ่งกว่าของคนกรุ๊ปโอ เพราะบีเจอบีจะระเบิด 
เวลามีเรื่อง จะออกตัวล้อฟรีจะเป็นจะตายทีเดียว เราจะได้เห็นบีในอาการแปลกๆ 
เช่น ทะเลาะกับยาม โวยวายกับคนโทรศัพท์ผิด โมโหเพื่อนทั้งที่ยังไม่เคลียร์ เรื่องเหตุต้นตอ 
แล้วพอหลังจากมีเรื่องจะมาคิดได้ว่า "น่าจะใจเย็นกว่านี้ หน่อยนะ" 
แต่ด้วยความเป็นคนตรงทำให้ไม่คิดอะไรมาก 

ถ้า เค้าจะชอบเรา(คนกรุ๊ปบี) แบบที่เป็นเราก็คงดีแล้วบีก็จะลืมเรื่องที่ตัวเองทำเอาไว้ 
กรุ๊ปบี บ้าเห่ออย่างที่บอก พอรักกันก็ปานจะกลืน พอไม่สนใจก็เอาไปทิ้งถังขยะได้ทีเดียว 
กรุ๊ปบีเป็นพวก ชัดเจน ไม่ชอบจะไม่ไปไหนด้วยเลย   
อาจจะเห็นกรุ๊ปบีไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตามคนอื่นไปบ้าง 
แต่พอครั้นอยากจะนอนอยู่บ้านหรือ วันนี้รถติดหว่ะ ก็ไม่ไปซะเลย ไม่โทรบอกใครด้วย 

กรุ๊ปบีเป็นคนใจร้ายแต่จริงๆ เป็นคนจริงใจและค่อนข้างยอมคนที่ตนเองสนิทอย่างมาก 
ถ้าพอใจกลุ่มแล้ว บี จะได้รับอิทธิพลจากโอสูงทีเดียวด้วย 
เหตุผลคือความนิ่งสยบความเคลื่อน ไหว 
ว่าง่ายๆ บีแพ้ทางโอ บางทีอะไรที่โอทำ บีจะปลาบปลื้มมาก 
แต่พอ เอไปทำบีจะมองว่ารำคาญหว่ะ 

กรุ๊ปบีเป็นกรุ๊ปแห่งอารมณ์ ไม่มีความเท่าเทียมกันในกรุ๊ปนี้ใช้อารมณ์ตัดสินกันล้วนๆ 
บีไม่ต้องการ คำปลอบใจหรือกำลังใจใดใด ขอนอนบ้างหลังจากอัดเต็มมาพักนึง 
หรือได้ออกไป ด่า ทำลายของของคนที่ตัวเองไม่ชอบ ก็กลับมาดี๊ด่าได้เหมือนเดิม 

อย่า ลืมว่าเวลาไปเที่ยวไหนให้พกคนกรุ๊ปนี้เอาไว้ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับกลุ่ม 
เพราะ บีถือคติสนุกไว้ก่อน อ้อ แต่บีเห็นตลกแบบนี้ 
จะเป็นคนมีเหตุผลกับเรื่อง คอขาดบาดตายสูงมาก 
ตัดสินใจได้ดีทีเดียว ยิ่งเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบขอมีส่วนด้วย 
อาจจะยุคนอื่น ให้เลิกคบกันไปเลย 
บีเป็นคนที่ประจบประแจงได้เนียน ถ้าโอจะทำจะกระดากตัวเอง 
ถ้าเอทำจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรี แต่บีจะไม่มีทิฐิถ้าอยากทำก็จะทำ 
ไม่ได้ทำให้ทุกคนด้วยมีไรมั้ย เรื่องของฉันเชิ้บๆ







  Group 'A' 

คน กรุ๊ปนี้ ทางยุโรปบอกว่าเป็นกลุ่มคนที่หน้าตาดีที่สุด 
กรุ๊ป เอ เป็นพวกมีความมั่นใจในตัวเองสูง เป็นคนที่เป็นนักคิดนักวางแผน 
เราจะ เห็นคนเรียนดีจากเลือดกรุ๊ปนี้เยอะมาก เพราะความขยันและการเตรียมตัวที่ดีของเขา 
เอ ชอบอยู่ในกลุ่มคนและได้ออกความเห็นตลอด ชอบวิจารณ์คนอื่น 
แต่รับคำ วิจารณ์ที่คนอื่นวิจารณ์ตนเองไม่ได้เท่าไหร่ 
เอ เป็นคนที่สนิทยากถึงจะสนิทแต่ก็จะมีกำแพงกั้นไว้เสมอ   
เอจะแบ่งเวลาให้ กับทุกคนสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน คนรัก คนทำงาน 
กรุ๊ปเอ เวลานัดกันจะไปคนแรกเสมอ ตรงต่อเวลาและมีสัมมาคารวะ 
แต่ในใจก็จะมีความ คิดที่ตัดสินคนแต่ละคนเอาไว้ในหัวแล้ว 
เป็นกลุ่มคนที่มีเหตุผลสูงสุด เราแทบจะเถียงไม่ชนะกรุ๊ปนี้เลย 
แต่เวลากรุ๊ปเอทำอะไรออกมากลับเป็นอะไร ที่ Emotion มากขัดกับคาแรคเตอร์ที่ตัวเองเก็บไว้ 
คิดว่าเพราะความเก็บ กดที่ต้อง อยู่ในกรอบตลอดเวลา 
กรุ๊ปเอเป็นพวก Work hard play hard เรียนถึงเกียรตินิยมแต่เล่นแรงแบบลืมวันคืน 
กรุ๊ปเอ กับเพื่อน ยิ่งกลุ่มใหญ่ เอจะยิ่งเป็นลิ่วล้อ แต่พอกลุ่มเล็กลง เอจะเทพขึ้นมาเรื่อยๆ 

ถ้า เป็นคนรัก เอจะเอาตัวเองเป็นเหมือนตราชั่ง คือเสมอภาค 
ไม่ว่าแฟนจะรุ่น ใหญ่กว่า เอจะเอาตัวเองไปเทียบให้เท่ากัน 
แต่ถ้าแฟนรุ่นเล็กกว่าก็จะเอา ตัวเองลงไปคลุกกับโลกของคนนั้นซะงั้น 
เอ ชอบคิดว่า อันนี้มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย และประสาทเสีย กับอะไรที่ผิดแผน 
เวลาน้อย ใจจะชอบอยู่คนเดียวเสมอ 
เอ ไม่ถูกกับโออย่างรุนแรง ด้วยความเป็นคนในกรอบแล้วไปเจอคนนอกรีต 
จะรู้สึกหงุดหงิด อะไรว่ะ!!!นัดกันเที่ยงมาสามโมง 
แต่บางครั้ง เอ ก็จะคิดเข้าข้างตัวเองเสมอเวลาตัวเองทำผิดบ้าง 
และ ยิ้มอยู่คนเดียวเวลาที่ตัวเองรู้สึกเหนือกว่า อะไรที่ เอ ทำน่ะ ดีดลูกคิดรางแก้วไว้หมดแล้วล่ะ

 

Group 'AB' 

เอบี เป็นอัจฉริยะ เราจะเห็นเวลาที่ เอบีพูดน้อยกว่าคิด 
เอบีชอบหลบอยู่ในมุม จ้องมองคนอื่นๆทำอะไรต่างๆ แล้วก็คิดไปเรื่อย 
ถ้าเป็นฉันจะทำยังไงตรง นี้ จะมีอะไรที่ดีกว่าไหม 

เอบี เป็นพวกชอบคิดนอกกรอบ เป็นเทพเจ้า 
แต่ ในขณะเดียวกันอาจเป็นคุณบ้าของใครบางคนได้ 
เพราะ เอบีจะทำอะไรนอกกรอบและแนวทดลองเสมอ 
เอบีมีวิธี Entertain ให้ตัวเองมีความสุขแปลกๆ ในมุมของตัวเอง 
เช่น การนั่งกดรีโมทแอร์ตอนไม่มีถ่านแล้วสนุก 
หรือมองมดเดิน แล้วลองตั้งชื่อมด จำว่าตอนมันเดินกลับมาเราจะจำชื่อมันได้ไหม 

เอบี มักสร้างสิ่งแตกต่างในสังคมเสมอ ทำให้เกิดอารยะธรรม วัฒนธรรมใหม่ๆได้ 
เวลา นั่งในกลุ่มใหญ่จะมีแค่สองสถานการณ์ของคนในกรุ๊ปนี้คือ โดนสปอตไลท์ หรือหลบในมุมมืด   
เราจะไม่เห็น เอบีเฮฮาแบบเนียนๆไปกับกลุ่มเพื่อนฝูงตลอด 3 ชม 

เอบีจะมีโลกส่วนตัว สูง เราเอาแนวคิดที่เรามี กฏเกณฑ์ที่เรามีไปตัดสิน เอบีไม่ได้ 
นิสัยของ เอบีหลักๆคือลึกลับ 
ถ้าเอบีเขาจะสนุกกับคนอื่นๆ อย่างเดียวคือการได้แกล้งคนอื่น 
หรือ ดูคนอื่นทำอะไรที่ตนเองวางแผนเอาไว้ แล้วหัวเราะอยู่ในมุมเล็กๆของเขา

 

ถ้าเกิดการทะเลาะกัน

แน่นอนคู่แรกจะ เป็น A กับ O เพราะอย่างที่บอกคนในกรอบเจอคนนอกรีต 
 A ไม่ชอบความรู้สึกผิดเอง จะหาคนผิดในกรณีนั้นทันที 
แล้ว B เองจะเข้ามาเหมือนจะมาไกล่เกลี่ย 
แต่จริงๆจะเอามุขที่เตรียมไว้อย่าง เหมาะสม ใส่ลงมากลางวงเพื่อความเมามันของตัวเอง 
ซึ่ง A จะใส่ยับด้วยเหตุผล  O เองก็จะเถียง  แต่แพ้ด้วยเหตุผลทางสังคม   
แต่ ด้วยว่า B ติดหนี้ทางความรู้สึกกับ Oจะเข้ามาช่วยดันเอาไว้ 
เพราะ B ไม่ชอบให้ใครโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียว 
 O ด้วยกันจะเข้าใจแต่ไม่อยากโดนร่างแหไปด้วย 

ถ้าจัดลูกโซ่จะเป็น 

 A > ชนะ > O > ชนะ > B > ชนะ > A  

แล้ว AB หายไปไหน

 AB ก็ยืนมองยักไหล่ว่าการทะเลาะกันของพวกนี้ไร้สาระสิ้นดี

 

 





ถ้า ฝนตกจะทำยังไง

 
Oจะรอจน ฝน หยุดตกจะเปียกทำไมล่ะ 
ค่อยไปก็ ได้คนอื่นน่าจะเข้าใจนะ ว่าเดี๋ยวเปียกไม่สบายอีกน่ะ 


Bดูก่อนว่าโอเอาไง หรือว่าตัวเองรีบไหม  เช็คอารมณ์ก่อน 


Aรีบออกไปเลยแม้จะไม่รีบมากขนาดนั้นก็เถอะ ถ้าให้ยืนเฉยๆ กูจะเบื่อตาย 


 AB ดูทุกคนก่อนถ้า A ออกไปแล้วเปียกหรือน้ำท่วมมันสูงจนรองเท้าเปียก 
ก็ ยืนรอจังหวะ ซากว่านี้ แต่คงไม่อยากอยู่จนคนสุดท้าย

ความรักของคน เหล่านี้ 

Oจะฝันอยากได้คนในเสปค แต่กลับอยู่กับคนที่ชิลแล้วอยู่ด้วยกันได้จริงๆ 
และค่อนข้างให้คนรักเอา อกเอาใจ ส่วนมากจะได้ B เป็นแฟน 
ถ้าได้ O ด้วยกันเป็นแฟนจะพูดกันน้อย 
และ O จะพาแฟนไปรู้จักกับเพื่อนด้วย เพราะ Oชอบให้เพื่อนอยู่ปนกะแฟน 
 O ชอบสังคมแบบ Multi เวลามีปัญหากับคนรัก กรุ๊ปโอจะชอบให้ง้อ 
พวกนี้แพ้ คนที่มาถึงที่ เอาใจถึงใจ 

Bจะไปหาคนที่ชอบเท่านั้น   
 B ชอบออกตัวจีบก่อนด้วยแต่ในทางกลับกัน จะมีชีวิตแบบในหนังน้ำเน่าได้ 
เช่น แรกๆไม่ชอบคนนี้แต่ถ้ามาจีบๆ ก็จะยอมด้วยความใจอ่อน 
แบบพ่อแง่ แม่ งอนทะเลาะกันน่ารัก งอนๆแล้วล้มไปจุ๊บกันได้เชิ้บๆ 
 B ชอบติดแฟนอยู่เป็นช่วงๆ บางทีก็จะหายไปกับแฟนเลย 
แต่ก็จะโผล่มาหาเพื่อน ฝูงบ้างเป็นช่วงๆสลับกันไปตามสถานการณ์ ความสำคัญ 
 B ชอบใช้เวลาอยู่กับคนรักแบบติดเอาชีวิตไปมอบให้เลยแต่แค่พักเดียวนะ 
มี วิธีการง้อคนรักแบบ B คือการใช้ความสัมพันธ์ความผูกพัน ระลึกถึงความหลัง
วิธี นีได้ผลยิ่งนัก B เป็นพวกรักแบบบ้ายุ ยุขึ้นนะเนี่ย ! 

Aใช้เวลาดูคนรักพอสมควร A จะวางแผนแล้วว่าคนนี้ บ้านอยู่ไหน 
เรียนอะไรทำ งานที่ไหน มีโอกาสจะได้มีชีวิตด้วยกันสูงไหม สืบมาเป็นอย่างดี 
 A จะใส่ใจคนรักมากชอบทำเซอร์ไพรส์ คิดจุกๆจิกๆทำนี่ ทำนั่นให้ 
แต่กลับกัน เวลาเกิดปัญหากับคนรักจะรุนแรง ยืดเยื้อเรื้อรัง 
เพราะต้องการเอาชนะ ด้วยคิดว่าตัวเองถูกเสมอ 
ถ้าเราจะง้อคนรักแบบ A ต้องยอมรับผิด แล้วให้เขารู้สึกเหนือกว่า 
 A จะเลิกกับคนรักเพื่อไปคบคนใหม่ต่อไปต่อเมื่อมีคนที่ดีกว่าเข้ามาเท่านั้น 
 A ชอบจัดเตรียมวางแผนให้คนรักช่วยเหลือด้านหน้าที่การงาน การบ้านให้เสมอ 
ประมาณ ว่าคนของฉันต้องเริ่ดเสมอเดี๋ยวคนอื่นมองไม่ดี 
จริงๆคิอทำอะไรก็แคร์สาย ตาคนอื่นเสมอมากกว่า 

ABมีโลกส่วนตัวของตนเองและคนรักสูง 
ไม่ สนใจโลกภายนอกหรือสายตาความคิดคนอื่นมากนัก 
ไม่ชอบพูดถึงเรื่องความรัก ตัวเอง ถ้าเราเห็นคนจูบกันในรถไฟฟ้า 
กอดกันไม่สนใจโลก  ในห้างสรรพสินค้า นั่นล่ะพวก AB

 

การเงินของแต่ละกรุ๊ป 


Oไม่มีแผนการใช้เงินมากเท่าไหร่นัก 
จริงๆแล้วเป็นพวกเจ้าสัว ถ้าโดนยุให้ซื้อของเจอคนรอบข้างบิ้วก็หมดตัว 
ใช้เงินเกินตัวและแพงไม่ ว่าขอให้ชอบ 


 B กลัวโดนด่าเวลาซื้อของ  
ชอบซื้อของแปลกๆ
ให้ เหตุผลทางใจสูงไว้ก่อนการใช้งาน แปรปรวนได้ง่ายจากคำคนรอบข้าง 


Aวางแผนมาเป็นอย่างดี และต้องจำเป็นเท่านั้นถึงจะซื้อ 
นอกจากนี้ยังดู หลายร้าน เตรียมคิดหาส่วนลดให้ได้มากที่สุด 


ABซื้อของไปในทางเดียวกันหมด จะซ้ำก็ไม่ว่า 
จะเหมือนกันมากแค่ไหนก็ไม่ ว่า   จะมีของซ้ำแนวเดียวกันเยอะมาก

 

 

 

การ แบ่งงาน 


Oงานละเอียดยิบ ได้เนื้องานจริงๆ เช่นบริษัทผ้าคือคนฟอกผ้าเลือกสี 
เป็นกลุ่มคนส่วนมากในบริษัท 


Bงานประชาสัมพันธ์มาเกตติ้ง เอนเทอร์เทน 


Aเป็นออแกไนซ์เซอร์ MD ฝ่ายบุคคล หัวหน้าแผนก หัวหน้าห้อง 


ABประธานบริษัท คนออกเงิน

 

การรับฟัง 


Oฟังคนอื่นมากไป น้อยใจเพราะคำวิจารณ์ สูญเสียความเป็นตัวตน ชอบตามใจ 


Bมีหนทางที่มั่นคงของตัวเอง เป็นคนดื้อด้านพอสมควร ถ้าโดนรุมจะยอมแพ้ 


Aดื้อเงียบ แต่เรียนรู้จากประสบการณ์ 


ABคาดเดาไม่ได้



www.pukpik.com